1/18/08

What should I do? ( วอท ชูด ไอ ดู ) ฉันควรทำอย่างไร

Enjoy learning English conversation online with Thai Translation.

What should we have for lunch?

( วอท ชูด วี แฮฟ ฟอร์ ลั้นช์ ) อาหารกลางวันทานอะไรกันดี

I have no idea.

( ไอ แฮฟ โน ไอเดีย ) ไม่รู้สิ

I don't know.

( ไอ โด้งท์ โนว์ ) ไม่รู้สิ

Whatever you like.

( วอทเอเวอร์ ยู ไลค์ ) อะไรก็ได้

What would you like to eat ?

( วอท วูด ยู ไลค์ ทู อีท ) คุณอยากทานอะไร

I'd like to have steak.

( ไอด ไลค์ ทู แฮฟ สเตค ) ฉันอยากทานสเตค

Let's have some BBQ.

( เลท'ส แฮฟ ซัม บาร์บีคิว ) ทานบาร์บีคิวกันเถอะ

I've got an idea.

( ไอฟ กอท แอน ไอเดีย ) คิดออกแล้ว

What about having Vietnamese food?

( วอท อะเบ้าท์ แฮฟหวิ่ง เวียดนามมีส ฟูด ) ทานอาหารเวียดนามเป็นไง

How often do you study English?

( ฮาว ออฟเฟ่น ดู ยู สตั้ดดิ อิงลิช ) คุณเรียนภาษาอังกฤษบ่อยแค่ไหน

I study English 4 days a week.

( ไอ สตั้ดดิ อิงลิช โฟร์ เดย์ส อะ วีค ) ฉันเรียนภาษาอังกฤษอาทิตย์ละ 4 วัน

I can speak only a little English. ฉันพูดภาษาอังกฤษได้เพียงนิดหน่อย

( ไอ แคน สปีค โอ๊งหลิ อะ ลิทเทิล อิงลิช )

What should I do?

( วอท ชูด ไอ ดู ) ฉันควรทำอย่างไร

You should try harder.

( ยู ชูด ธราย ฮาร์ดเด่อร์ ) คุณควรพยายามให้หนักกว่านี้

It takes time.

( อิท เทคส ไทม์ ) มันต้องใช้เวลา

You need more practice.

( ยู นีด มอร์ แพรคถิส ) คุณต้องฝึกฝนให้มากกว่านี้

I think so.

( ไอ ติ๊งค์ โซ ) ฉันเห็นด้วย

But it's too hard for me.

( บัท อิทส ทู ฮาร์ด ฟอร์ มี ) แต่มันยากเกินไปสำหรับฉัน

I don't think so.

(ไอ โด้งท์ ติ๊งค์ โซ ) ฉันไม่เห็นด้วย

You can do it.

( ยู แคน ดู อิท ) คุณทำได้

1/3/08

Useful Expression

I'm so proud of you.

( อามโซพราวด์ ออฟยู ) ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวคุณจริงๆ

I couldn't agree more.

( ไอคู่นอะกรี มอร์ ) เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

I haven't seen you for ages.

( ไอ แฮฟหวึ่นซีนยูฟอร์เอ๊จเจ่ส )ไม่ได้พบกันเป็นชาติเลยนะเรา

I really had a great time.

(ไอ เรียลหลิ แฮด อะ เกรท ไทม์ ) ฉันมีความสุขมากจริงๆ.

I should have studied harder.

( ไอ ชูด แฮฟ สตั๊ดดิด ฮาร์ดเด่อร์ ) ฉันน่าจะเรียนให้หนักกว่านี้

I beg your pardon.

( ไอ เบค ยัวร์พาร์ดั่น ) ขอโทษ

Pardon ? (พาร์ดั๊น) ขอโทษ ว่าไงนะ

I would love to.( ไอ หวูด ลัฟ ทู ) ด้วยความเต็มใจ

I would be glad to.

(ไอ วู่ด บี แกลด ทู)ด้วยความยินดีและเต็มใจ

I've got to go now,bye.

(ไอฟ กอททู โก นาว บาย) ฉันต้องไปแล้วล่ะ, ลาก่อน

I must be leaving now.

( ไอ มัส บี ลีฟฝิ่ง นาว ) ฉันคงต้องไปเดี๋ยวนี้

I've got a bad cold.

( ไอฟ ก่อท อะ แบด โคลด์ ) ฉันเป็นไข้หวัดอย่างหนัก

I'm sorry to hear that.

( อาม ซ้อหริ ทู เฮียร์ แธ่ท ) เสียใจด้วย ที่ได้รับทราบข่าวเช่นนี้

Thank You ขอบคุณ

การกล่าวคำขอบคุณเป็นความจำเป็นเสมอ สำนวนที่ใช้กันมากคือ

Thank you.

( แธ้งค์ กิ่ว ) ขอบคุณ

Thank you very much.

( แธ้งค์ กิ่ว เวรี่ มัช ) ขอบคุณมาก

Thank you so much.

( แธ้งค์ กิ่ว โซ มัช ) ขอบคุณมาก

Thanks.

( แธ้งค์ส ) ขอบคุณมาก

Thanks a lot.

( แธ้งคส์ อะ ลอท ) ขอบคุณมาก

Many thanks.

( แม้หนี่ แธ้งค์ส ) ขอบคุณมาก

Thanks so much.

( แธ้งคส์ โซ มัช ) ขอบคุณมาก

Thanks for your help.

(แธ้งค์ ฟอร์ ยัวร์ เฮ่วพ์) ขอบคุณมาก

Thanks for everything.

(แธ้งค์ส ฟอร์ เอวรี่ธิง) ขอบคุณมาก

It's very kind of you.

( อิทส เวรี่ คายด์ ออฟ ยู ) คุณใจดีกับฉันมาก

It's very nice of you.

(อิทส เวรี่ ไนซ์ ออฟ ยู ) คุณช่างดีกับฉันมาก

I appreciate it very much.

(ไอ แอพพรีชิเอท อิท เวรี่ มัช) ฉันซาบซึ้งใจมาก

I'm very grateful.

( อามเวรี่เกรทฟูล ) ฉันรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณมาก

I can never thanks enough.

( ไอ แคน เนเว่อร์ แธ้งค์ส อินัฟ ) ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรดี

การตอบรับคำขอบคุณถือเป็นมารยาทอันดี ควรใช้สำนวนดังนี้

It's my pleasure.

(อิสมายเพร้ชัวร์ )ด้วยความยินดี

You're welcome.

( ยัวร์ เววคัม ) ยินดีค่ะ

Not at all.

( นอท แอท ออล ) ไม่เป็นไร

Don't mention it.

( โด้งท์ เมนฉั่นอิท) ไม่เป็นไร

12/7/07

What is he like? เขาเป็นคนอย่างไร

He is nice.
( ฮี อีส ไนซ์ ) เขาเป็นคนดี นิสัยดี
He is kind.

( ฮี อีส คายด์ ) เขาเป็นคนมีน้ำใจ , ใจดี
He is good looking.

( ฮี อีส กู้ด ลุคกิ่ง ) เขาเป็นคนหน้าตาดี
She is active.

( ชี อีส แอ๊คทีฟ ) หล่อนเป็นคนคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง
She is talkative.

( ชี อีส ทอล์คกาทีฟ ) หล่อนเป็นคนช่างพูดช่างคุย
She is quiet.

( ชี อีส ไคว้เอ็ท ) หล่อนเป็นคนเงียบๆ
I'm attractive.
( อาม แอทแทร็คทีฟ ) I'm charming.(อามชาร์มหมิ่ง) ฉันเป็นคนมีเสน่ห์
I'm friendly.

( อาม เฟร้นหลิ ) ฉันเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี
I'm easygoing.

( อาม อี๊สิ โกอิ่ง ) ฉันเป็นคนง่ายๆสบายๆ
I'm sincere.

( อาม ซินเซียร์ ) ฉันเป็นคนจริงใจ
He is nasty.

( ฮี อีส แนสติ ) เขาเป็นคนน่าเกลียด,น่ารังเกียจ
He is mean.

( ฮี อีส มีน ) เขาเป็นคนใจร้าย
He is crazy.

( ฮี อีส เคร้สิ ) เขาบ้า ประสาท
He is weird.

( ฮี อีส เวียร์ด ) เขามันบ้า เขาเพี้ยนๆ
I am young at heart.

(อาม ยัง แอท ฮาร์ท ) ฉันเป็นคนดูหนุ่มกระชุ่มกระชวยอยู่เสมอ
He is selfish.

( ฮี อีส เซ้วฟิช ) เขาเป็นคนเห็นแก่ตัว
He's a family man.

( ฮี’ส อะ แฟ้มมิหลิ แมน ) เขาเป็นคนรักครอบครัว

11/18/07

What time is it? เวลาเท่าไหร่



Excuse me,what time is it now please?

( เอ็กซกิ๊วส มี วอท ไทม์ อีส อิท นาว พลีส ) ขอโทษค่ะ กี่โมงแล้ว
Yes, it's eight thirty.

( เยส อิส เอท เตอร์ถิ ) แปดโมงครึ่งค่ะ
Half past eight , is that right?
( ฮาล์ฟ พาสท์ เอท, อีส แดท ไร่ท์ ) แปดโมงครึ่ง เหรอคะ
That's right.

( แดทส ไร่ท์ ) ใช่แล้วค่ะ
I must hurry I will be late for the meeting.

( ไอ มัสท์ เฮอร์หริ ไอ วิว บี เลท ฟอร์ เดอะ มีทถิ่ง ) ฉันต้องรีบแล้วค่ะ เดี๋ยวไปประชุมสาย
What time is your meeting?

( วอท ไทม์ อีส ยัวร์ มีทถิ่ง ) ประชุมกี่โมงคะ
At nine o'clock.

( แอท ไนน์ โอ่คล็อค ) เก้าโมงตรงค่ะ
You should take BTS, you'll get there in 10 minutes.

(ยู ชูด เทค บีทีเอส,ยูล เกท แดร์ อิน เทน มินิท ) คุณควรไปรถไฟฟ้าบีทีเอสนะ จะไปถึงที่นั่นภายใน 10 นาที
You are right.I hope I ' ll be there on time, thank you.

( ยู อาร์ ไร่ท์ ไอ โฮพ อัล บี แดร์ ออน ไทม์ , แธงค์กิ่ว ) คุณพูดถูก ฉันหวังว่าฉันจะถึงตรงเวลา ขอบคุณค่ะ
You're welcome.

( ยัวร์ เววคั่ม ) ยินดีค่ะ

11/8/07

Asking & Requesting ประโยคขอร้อง


Would you do me a favour ?
(วู้ด ยู ดู มี อะ เฟเวอร์) คุณช่วยอะไรฉันสักหน่อยได้มั้ย
Will you do something for me?

(วิว ยู ดู ซัมติง ฟอร์ มี) คุณจะช่วยเหลือฉันสักหน่อยได้ไหม
Of course, if I can. (ออฟคอร์ส อีฟ ไอ แคน) ได้สิคะ ถ้าฉันช่วยได้
Certainly, if I can. (เซอร์เทอนลิ อีฟ ไอ แคน) ได้สิคะ ถ้าฉันช่วยได้
I'll be glad to. What is it?

(อัล บี แกลด ทู วอท อีส สิท) ยินดีค่ะ มีอะไรหรือ
I'm sorry. I'm afraid I can't.

(อามซ้อหริ่ อามอะเฟรด ไอแค่นท์) เสียใจค่ะฉันเกรงว่าจะทำไม่ได้
Depends. ( ดีเพนส์ ) รับปากไม่ได้ แล้วแต่ว่าจะขอให้ทำอะไร
Would you give me a hand please?

(วู้ด ยู กิ๊ฟ มี อะ แฮนด์พลีส) ขอความกรุณาคุณช่วยฉันสักนิด
Yes,of course. (เยส ออฟ คอร์ส) ได้สิคะ / Sure (ชัวร์) ได้แน่นอนค่ะ
What can I do for you? ( วอท แคน ไอ ดู ฟอร์ ยู ) ให้ช่วยอะไรคะ

May I troble you for a few minutes?

( เมย์ไอ ทรับเบิลยู อะฟิว มินิทส) ขอรบกวนเวลาสักเล็กน้อย
May I borrow your pen please?

(เมย์ไอ บอโรว์ ยัวร์เพน พลีส) ขอยืมปากกาหน่อยได้ไหม
May I use your phone please?

(เมย์ไอ ยูส ยัวร์โฟนพลีส) ขออนุญาตใช้โทรศัพท์หน่อยได้ไหม
Certainly, you may. (เซอร์เทอนลิ ยู เมย์) ได้สิคะ
I'm sorry. It's out of order.

(อาม ซอร์หริ อิส เอ้าท์ ออฟ อ๊อร์เดอร์) เสียใจด้วยค่ะ โทรศัพท์เสีย

Do you mind if I smoke?

(ดู ยู มายด์ อีฟ ไอ สโมค) คุณรังเกียจมั้ย ถ้าผมจะสูบบุหรี่
Of course, I don't. (ออฟคอร์ส ไอ โด้งท์) ไม่เลยค่ะ
Of course not. (ออฟ คอร์ส น็อท) ไม่เลยค่ะ
No. Go ahead. (โน โก อะเฮด) ไม่เลย ตามสบาย

Would you mind opening the window ?

(วู้ด ยู มายด์ โอ๊เผ่นนิง เดอะ วินโด่ว์ ) ช่วยเปิดหน้าต่างให้หน่อยค่ะ ถ้าไม่รังเกียจ
Not at all. (นอท แอท ทอล) ได้เลยค่ะ ไม่รังเกียจอะไร
Would you kindly lend me your book?

(วู้ด ยู คายด์ลิ่ เลน มี ยัวร์ บุ้ค) กรุณาให้ฉันยืมหนังสือหน่อย
Yes, of course. Here it is. ( เฮีย อิท อีส )ได้สิคะ นี่ค่ะหนังสือ
Thank you , I will return it tomorrow.

(แธงค์กิ่ว ไอ วิว รีเทอนิท ทูมอร์โรว์) ขอบคุณค่ะฉันจะคืนให้พรุ่งนี้นะ